เมนู

พึงทราบความ โดยเจตนาต้นและเจตนาหลัง. จริงอยู่ ในการถวายบิณฑบาต
ครั้งหนึ่ง เจตนาคราวเดียว ย่อมไม่ให้ปฏิสนธิสองครั้ง. ก็เศรษฐีนั้น บังเกิด
ในสวรรค์ 7 ครั้ง ในตระกูลเศรษฐี 7 ครั้ง ก็ด้วยเจตนาต้นและเจตนาหลัง.
บทว่า ปุราณํ ได้แก่ กรรมคือเจตนาในบิณฑบาตทานที่ถวายแก่พระปัจเจก
พุทธเจ้า.
บทว่า ปริคฺคหํ ได้แก่ สิ่งของที่หวงแหน. บทว่า อนุชีวิโน
ได้แก่ เหล่าตระกูล จำนวน 50 บ้าง 60 บ้าง อาศัยตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งเลี้ยง
ชีพอยู่. ท่านหมายเอาคนเหล่านั้น จึงกล่าวคำนี้.
บทว่า สพฺพนฺนาทาย คนฺตพฺพํ ได้แก่ พาเอาทรัพย์นั้นทั้งหมด
ไปไม่ได้. บทว่า นิกฺขีปคามินํ ได้แก่ทรัพย์นั้น ทั้งหมดมีอันต้องทิ้งไว้เป็น
สภาพ อธิบายว่า มีอันจำต้องสละเป็นสภาวะทั้งนั้น.
จบอรรถกถาทุติยาปุตตกสูตรที่ 10
จบทุติยวรรคที่ 2


พระสูตรในวรรคที่ 2 นี้ คือ


1. ชฎิลสูตร 2. ปัญจราชสูตร 3. โทณปากสูตร 4. ปฐมสังคาม
วัตถุสูตร 5. ทุติยสังคามวัตถุสูตร 6. ธีตุสูตร 7. ปฐมอัปปมาทสูตร
8. ทุติยอัปปมาทสูตร 9. ปฐมาปุตตกสูตร 10. ทุติยาปุตตกสูตร
พร้อมทั้งอรรถกถา.

ตติยวรรคที่ 3



1. ปุคคลสูตร



ว่าด้วยบุคคล 4 ประเภท


[393] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะท้าวเธอว่า ดูก่อนมหาบพิตร บุคคล
4 จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก บุคคล 4 จำพวกเป็นไฉน บุคคล 4 จำพวก
คือ บุคคลผู้มืดมามืดไปจำพวก 1 บุคคลผู้มืดมากลับสว่างไปจำพวก 1 บุคคล
ผู้สว่างมาแล้วกลับมืดไปจำพวก 1 บุคคลผู้สว่างมาแล้วสว่างไปจำพวก 1.
[394] ดูก่อนมหาบพิตร ก็อย่างไร บุคคลชื่อว่ามืดมามืดไป
ดูก่อนมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดมาภายหลังในตระกูลอันต่ำ คือ
ตระกูลจัณฑาล ตระกูลช่างจักสาน ตระกูลพราน ตระกูลช่างรถ หรือตระกูล
คนเทหยากเยื่อ ซึ่งขัดสน มีข้าวน้ำโภชนาหารน้อย เป็นอยู่ฝืดเคือง เป็น
ตระกูลที่หาอาหารและผ้านุ่งห่มได้โดยยาก และเขาเป็นคนที่มีผิวพรรณทราม
ไม่น่าดูไม่น่าชม เป็นคนเล็กแคระ มีอาพาธมาก เป็นคนเสียจักษุ เป็นง่อย
เป็นคนกระจอกหรือเป็นเปลี้ย1 มักหาข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ยวดยาน ดอกไม้
1. คนกระจอก คือเดินขาเขยก ฯ คนเปลี้ย คือเป็นอัมพาต ตายแถบหนึ่ง